หน้าแรก

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สรุปพรบ.วิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖

นิยาม
๑. “การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย” หมายความว่า การประกอบวิชาชีพที่กระทําหรือ
มุ่งหมายจะกระทําต่อมนุษย์ เกี่ยวกับการแนะนํา การตรวจโรค การวินิจฉัยโรค การบําบัดโรค การรักษาโรค 
การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย 
การผดุงครรภ์ไทย การนวดไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และองค์ความรู้ด้านอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
โดยคําแนะนําของคณะกรรมการ ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยซึ่งถ่ายทอดหรือพัฒนาสืบต่อกันมา
ตามตําราการแพทย์แผนไทยหรือจากสถานศึกษาที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง

๒. “การแพทย์แผนไทย” หมายความว่า กระบวนการทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย 
บําบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์ การผดุงครรภ์ การนวดไทย 
และให้หมายความรวมถึง การเตรียมการผลิตยาแผนไทย และการประดิษฐ์อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ 
ทั้งนี้ โดยอาศัยความรู้หรือตําราที่ได้ถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา    

๓. “เวชกรรมไทย” หมายความว่า การตรวจ การวินิจฉัย การบําบัด การรักษา การป้องกันโรค 
การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการผดุงครรภ์ไทย เภสัชกรรมไทย และการนวดไทย ทั้งนี้ 
ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย

๔. 
มาตรา ๙ สภาการแพทย์แผนไทย มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาต รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร รับรองหลักสูตร รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทําการฝึกอบรม ออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเป็นต้น



คณะกรรมการสภาการแพทย์แผนไทย ประกอบด้วย

กรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย
และการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา 
และเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมกรรมการทีมา่จากการเลือกตั้งและโดยตำแหน่ง ทั้งหมด 17 คน
  •  คณะกรรมการ หมายถึง คณะกรรมการการวิชาชีพ
  • ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นนายกสภาแพทย์แผนไทย  รัฐมนตรีฯเป็น สภานายกพิเศษ  
กรรมการตามมาตรา ๑๕ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปน้ี
  • (๑) เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
  • (๒) เป็นผู้ไม่เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต
  • (๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย              
  • ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ ไม่มีวาระ (ครบวาระตามตำแหน่งงานหลัก) 
กรรมการตามมาตรา ๑๕ พ้นจากตําแหน่งเมื่อ
(๑) สมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๔
(๒) ขาดคณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๙
(๓) ลาออก

มาตรา ๓๑ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ กระทําการประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ในกรณี
(๑) การกระทําต่อตนเอง
(๒) การช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยตามหน้าที่ ตามหลักมนุษยธรรมหรือตามธรรมจรรยาโดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน
(๓) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรม ในความควบคุมของสถาบันการศึกษาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
 (๔) บุคคลซึ่งกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตําบล
กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอื่นตามที่มีกฎหมายกําหนด
หรือสภากาชาดไทย มอบหมายให้ประกอบวิชาชีพในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(๕) บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในสถานพยาบาล ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(๖) การประกอบวิชาชีพ ของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการ ทั้งนี้ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
(๗) หมอพื้นบ้าน ซึ่งมีความรู้ความสามารถด้วยภูมิปัญญา ตามวัฒนธรรมของชุมชนที่สืบทอดกันมานานไม่น้อยกว่าสิบปีเป็นที่นิยม
ยกย่องจากชุมชน 
  • ม. ๓๒ ห้ามใช้คําหรือข้อความด้วยอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศว่าแพทย์แผนไทย หรือใช้อักษรย่อของคําดังกล่าว ซึ่งทําให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
  • มาตรา ๓๕ ผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตต้องสมัครเป็นสมาชิกแห่งสภาการแพทย์แผนไทย และมีคุณสมบัติตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับเมื่อสมาชิกภาพของผู้ใดสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๔ ให้ใบอนุญาตของผู้นั้นสิ้นสุดลงให้ผู้ซึ่งสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๔ (๓) และ (๔) ส่งคืนใบอนุญาตต่อเลขาธิการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบการสิ้นสุด
  • มาตรา ๓๖ ผู้ประกอบวิชาชีพต้องรักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
  • มาตรา ๓๗ บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายเพราะการประพฤติผิดตาม ม. ๓๖ ของผู้ประกอบวิชาชีพมีสิทธิกล่าวหาผู้ก่อให้เกิดความเสียหายนั้น โดยทําเป็นหนังสือยื่นต่อสภาฯ บุคคลอื่นมีสิทธิกล่าวโทษผู้ประกอบวิชาชีพว่าประพฤติผิดตามมาตรา ๓๖ โดยทําคํากล่าวโทษเป็นหนังสือยื่นต่อสภาฯ กรรมการมีสิทธิกล่าวโทษผ้ประกอบวิชาชีพว่าประพฤติผิดตามมาตรา ๓๖ โดยแจ้งเรื่องต่อสภาฯ
  • สิทธิการกล่าวหา การกล่าวโทษสิ้นสุดลงเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ได้รับความเสียหายหรือผู้กล่าวโทษรู้เรื่องการประพฤติผิด
  • ถ้ารู้ตัวผู้ประพฤติผิด ทั้งนี้ ไม่เกินสามปีนับแต่วันที่มีการประพฤติผิดตามมาตรา ๓๖
  • การถอนเรื่องการกล่าวหาหรือการกล่าวโทษที่ได้ยื่นหรือแจ้งไว้แล้วนั้นไม่เป็นเหตุให้ระงับการดําเนินการ
  • มาตรา ๓๘ เมื่อสภาฯได้รับเรื่อง ม. ๓๗ ให้เลขาธิการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อประธานอนุกรรมการจรรยาบรรณ
  • มาตรา ๓๙ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณจากสมาชิกประกอบด้วย ประธานคนหนึ่ง และอนุกรรมการมีจํานวนรวมกันไม่น้อยกว่าสามคน มีอํานาจหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงแล้วทํารายงานพร้อมทั้งความเห็นเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณา
  • มาตรา ๔๒ ให้อนุกรรมการจรรยาบรรณและอนุกรรมการสอบสวนเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มีอํานาจเรียกบุคคลใดๆ มาให้ถ้อยคําและมีหนังสือแจ้งให้บุคคลใดๆ ส่งเอกสารหรือวัตถุเพื่อประโยชน์แก่การดําเนินงาน
  • มาตรา ๔๓ ให้ประธานอนุกรรมการสอบสวนมีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ พร้อมทั้งส่งสําเนาเรื่องให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือกล่าวโทษไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันเริ่มทําการสอบสวน
  • คณะกรรมการมีอํานาจวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ
(๒) ว่ากล่าวตักเตือน
(๓) ภาคทัณฑ์
(๔) พักใช้ใบอนุญาตมีกําหนดเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินสองปี
(๕) เพิกถอนใบอนุญาต
ภายใต้บังคับมาตรา ๓๐ คําวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการตามมาตรานี้ ให้ทําเป็นคําสั่งสภาฯพร้อมด้วยเหตุผลของการวินิจฉัยชี้ขาด และให้ถือเป็นที่สุด
  • มาตรา ๔๖ ให้เลขาธิการแจ้งคําสั่งตาม ม. ๔๕ ไปยังผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษเพื่อทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคําสั่ง และให้บันทึกข้อความตามคําสั่งนั้นไว้ในทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพพร้อมแจ้งเหตุผลให้ทราบด้วย
  • มาตรา ๔๗ ห้ามมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพซึ่งอยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพหรือแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพ
  • มาตรา ๔๘ ฝ่าฝืนตามมาตรา ๔๗ และถูกลงโทษจําคุกตามมาตรา ๕๓ โดยคําพิพากษาถึงที่สุด ให้คณะกรรมการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้นั้นนับแต่วันที่ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุด 
  • มาตรา ๔๙ ผู้ประกอบวิชาชีพซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตอาจขอรับใบอนุญาตอีกได้เมื่อพ้นสองปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แต่เมื่อถูกปฏิเสธการออกใบอนุญาตอีก ผู้นั้นจะยื่นคําขอรับใบอนุญาตในครั้งต่อๆ ไปได้อีกต่อเมื่อสิ้นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการปฏิเสธการออกใบอนุญาต

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๕๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้
(๑) เข้าไปในสถานที่ทําการของผู้ประกอบวิชาชีพในเวลาทําการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
(๒) เข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า จะมีการกระทําความผิดในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทําการของสถานที่นั้น ประกอบกับกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ เอกสารหรือวัตถุดังกล่าวจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทําลายหรือทําให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
(๓) ยึดเอกสาร หรือวัตถุใด ๆ ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดําเนินคดีการกระทําความผิด
ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอํานวยความสะดวกตามสมควร
มาตรา ๕๑ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัวบัตรประจําตัวพนักงาน
 มาตรา ๕๒ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา



บทกําหนดโทษ
เมื่อมีคำกล่าวหา กล่าวโทษ
1. สภาการแพทย์แผนไทยรับคำร้องส่งเรื่องให้เลขาธิการ
2. เลขาเสนอเรื่องต่อ ประธานอนุกรรมการจรรยาบรรณ ตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวน (ทุกเรื่อง ก่อนลงโทษ)
3. เลขานุการ เป็นผู้แจ้งผลการพิจารณา ภายใน ๗ วันนับจากมีคำสั่งและบันทึกข้อความในทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพด้วย

ผู้ประกอบวิชาชีพขาดคุณสมบัติ ต้องไม่ทำผิดหน้าที่
• ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และไม่มีใบอนุญาต
ทำการประกอบวิชาชีพ  ไม่เกิน ๓ ปี ๖๐,๐๐๐บาท   จำ/ปรับ) ม. ๓๑
ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ แต่ไม่ได้กระทำ ไม่เกิน๑ปี ๒๐,๐๐๐ บาท จำ/ปรับ) ม.๓๒
  
• ได้ขึ้นทะเบียนและ ได้รับใบอนุญาต
ทำการประกอบวิชาชีพ ระหว่างถูกสั่งพัก/เพิกถอนใบอนุญาต ไม่เกิน 
๓ปี ๖๐,๐๐๐ บาท จำ/ปรับ ) ม. ๔๗
ประกอบวิชาชีพ ผิดสาขา ไม่เกิน  ปี ๖๐,๐๐๐ บาท จำ/ปรับ )
ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่ายังทำการประกอบวิชาชีพฯได้(ถูกพัก/เพิกถอน) ไม่เกิน ๑ ปี ๒๐,๐๐๐ บาท จำ/ปรับ ) ม. ๓๓
มาตรา ๕๕ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่อํานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
มาตรา ๕๖ ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคําหรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ตามที่เรียกหรือแจ้งโดยไม่มีเหตุอันควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๕๗ พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่แสดงบัตรประจำตัว โดยไม่มีเหตุอันควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น