การสะตุ หมายถึง
การทำให้ตัวยามีฤทธิ์อ่อนลง
หรือ ทำให้พิษของตัวยาน้อยลง หรือทำให้ตัวยานั้นสะอาดขึ้น
หรือทำให้ตัวยานั้นสะอาดปราศจากเชื้อโรค หรือ ทำให้ตัวยานั้นสลายตัวลง เช่น
เกลือเมื่อสะตุแล้ว จะละเอียดลง ผสมยาง่ายขึ้น และฤทธิ์อ่อนลง เป็นต้น
๑.การสะตุเหล็ก
Ø เอาเหล็กมาครางด้วยตะไบ
นำผงเหล็กที่ได้ มาใส่ในฝาละมี หรือหม้อดิน
Ø บีบน้ำมะนาวลงไปให้ท่วมผงเหล็ก
ตั้งไฟให้แห้ง
Ø ทำให้ได้ 7
- 8 ครั้ง จนผงเหล็กกรอบดีแล้ว จึงนำไปใช้ปรุงยา
๒.การสะตุสารส้ม
Ø เอาหม้อดินตั้งบนเตาไฟให้ร้อนจัด
Ø นำสารส้มมาตำให้ละเอียด
แล้วเทใส่หม้อดิน ปิดฝาไว้
Ø เมื่อสารส้มละลายฟูขาวดีแล้วยกลงจากเตา
จึงนำมาใช้ปรุงยาได้
๓. การสะตุดินสอพอง
Ø เอาหม้อดินตั้งบนเตาไฟให้ร้อนจัด
Ø นำดินสอพองมาตำให้ละเอียด
แล้วเทใส่หม้อดิน ปิดฝาไว้
Ø เมื่อดินสอพองสุกดีแล้วยกลงจากเตา
จึงนำมาใช้ปรุงยาได้
๔. การสะตุน้ำประสานทอง
Ø เอาหม้อดินตั้งบนเตาไฟให้ร้อนจัด
Ø นำน้ำประสานทองมาตำให้ละเอียด
แล้วเทใส่หม้อดิน ปิดฝาไว้
Ø เมื่อน้ำประสานทองละลายฟูขาวดีแล้ว
ยกลงจากเตา จึงนำมาใช้ปรุงยาได้
Ø น้ำประสานทอง เป็นพิษต่อเซลล์ทุกชนิด
Ø การบริโภคติดต่อกันนาน
จะทำให้ทางเดินอาหารอักเสบ เกิดการทำลายเนื้อเยื่อของตับและไต
ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน ท้องเดิน ผมร่วง โลหิตจางและชัก
๕. การสะตุมหาหิงคุ์
Ø นำมหาหิงคุ์มาใส่ภาชนะไว้
Ø เอาใบกะเพราแดงใส่น้ำต้มจนเดือด
เทน้ำใบกะเพราแดง ต้มลงละลายมหาหิงคุ์
Ø แล้วนำมากรองให้สะอาด
จึงนำมาใช้เป็นยาได้
๖. การสะตุรงค์ทอง
Ø ทำความสะอาดใบข่าเช็ดให้แห้ง
Ø ทำความสะอาดใบบัวเช็ดให้แห้ง
Ø ชั่งรงค์ทองจำนวน
100 กรัม นำมาตำหรือบดให้ละเอียด
Ø เอาใบข่าวางบนใบบัวเรียงให้เป็นระเบียบ
Ø นำรงค์ทองที่ตำละเอียด
มาใส่บนใบข่าที่จัดวางเรียบร้อยแล้ว
Ø ห่อรงค์ทอง
เป็นรูปสี่เหลี่ยม ใช้ไม้กลัดเพื่อยึดขอบให้เรียบร้อย
Ø นำรงค์ทองที่ห่อไว้แล้ว
ย่างไฟบนตะแกรง ประมาณ 1 ชั่วโมง
Ø เมื่อย่างได้ที่
นำลงจากตะแกรง แกะใบบัวและใบข่าออกผึ่งไว้ให้เย็น
และแห้ง
Ø จะได้รงค์ทองสีน้ำตาลแดง
เป็นแผ่นเนื้อเดียวกัน
๗. การสะตุยาดำ
Ø นำยาดำใส่ในหม้อดินหรือกระทะเหล็ก
เติมน้ำเล็กน้อย
Ø ยกขึ้นตั้งไฟจนยาดำนั้นกรอบดี
ยกลงจากเตา
Ø ทิ้งไว้ให้เย็น
นำมาใช้ปรุงยาได้
๘. การสะตุเกลือ
Ø เอาหม้อดินตั้งบนเตาไฟให้ร้อนจัด
Ø นำเกลือมาตำให้แหลกละเอียด
แล้วเทใส่หม้อดิน ปิดฝาไว้
Ø เมื่อเกลือสุกและแห้งดีแล้ว
ยกลงจากเตา
Ø ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
ตักใส่ขวดโหลแก้วปิดฝา
๙. การสะตุเปลือกหอย
Ø นำเปลือกหอยใส่ในหม้อดิน
Ø ตั้งไฟไปเรื่อยๆ
จนเปลือกหอยนั้นสุกดีเป็นสีขาว เผาจนเป็นผง
หรือนำมาตำให้ละเอียดแล้วร่อนเอาผงที่ละเอียดมาปรุงเป็นยา
หอยชนิดต่างๆที่ใช้ทำยารักษาโรค
๑) หอยกาบ
๒) หอยขม
๓) หอยแครง
๔) หอยจุ๊บแจง
๕) หอยตาวัว
ประโยชน์ ขับลมในลำไส้ ล้างลำไส้ แก้กะษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ บำรุงกระดูก
๑๐. การสะตุหัวนกแร้ง
Ø หัวนกกา
หนัง กระดูก กีบ ไส้เดือน หรืออวัยวะของสัตว์ที่ไม่มีพิษต่าง ๆ
นำสิ่งที่จะสะตุ ใส่ในหม้อดินปิดฝา
Ø ยกขึ้นตั้งไฟจนกรอบดี
แล้วจึงยกลงจากเตา
Ø ทิ้งไว้ให้เย็น
นำมาใช้ปรุงยาได้
๑๑. การสะตุหรือ ฆ่าหัวงูเห่า
Ø หัวงูทับทาง
อวัยวะของสัตว์ที่มีพิษ นำสิ่งที่จะสะตุใส่ลงในหม้อดิน ปิดฝาให้สนิท
ยาแนวด้วยดินสอพอง ผสมน้ำพอข้น
Ø สุมด้วยไฟแกลบ
หรือถ่านไว้ตลอดคืน
Ø ทิ้งไว้ให้เย็น
นำมาใช้ปรุงยาได้
วัตถุส่วนประกอบและอุปกรณ์
1. ชาดก้อน นำมาบดให้ละเอียด
(ชาดผง)
2. น้ำมะกรูด (หรือน้ำมะนาว)
3. ฝาหม้อดิน
4. ไม้พาย (ขนาดเล็ก)
5. เตาถ่าน
6. ขวดโหลแก้ว
ขั้นตอนการทำ
1. นำฝาหม้อดินตั้งบนเตาไฟ ให้ร้อนจัด
เอาชาดผงใส่ในหม้อดินพอสมควร
2. บีบน้ำมะกรูด ครั้งที่ 1 ให้ชุ่มชาดผง
ตั้งไฟ คนไปเรื่อย ๆ จนแห้ง ทำครบ 3 ครั้ง ชาดผงจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงอมดำ
(สีเข้มกว่าเดิม)
หมายเหตุ... ชาดก้อนที่ได้จากการฆ่าฤทธิ์แล้ว มีลักษณะสีม่วงดำ เกล็ดเงาๆ จะหายไป เนื้อเป็นผงละเอียด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น