วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

" รู้โรคเสียก่อนจึ่งรู้ยา"


" รู้โรคเสียก่อนจึ่งรู้ยา"...เรียนแบบโบราณดั้งเดิมค่ะ

เพราะการเรียนรู้สมัยนี้ไม่ได้เรียนแบบการแพทย์ดั้งเดิม ทำให้ไม่รู้โรค รู้แต่ยาแล้วก็รีบรักษาโดยใช้วิธีวิเคราะห์แบบปัจจุบัน เพียงแต่ใช้ยาไปผลคือไม่หายค่ะ

ในสมัยก่อนการจักเรียนรู้ฝึกฝนที่จะเป็นหมอไทยนั้น จะเริ่มต้นด้วยการไปฝากฝังตัวเป็นศิษย์กับบรรดาหมอที่พ่อแม่ปู่ย่าตาทวดเคารพนับถือรู้จักกันเคยเป็นผู้ไข้กันมาก่อน ครูหมอก็จะรับมอบตัวศิษย์ผู้นั้นไว้ ให้ช่วยงานในบ้านหมอเป็นลูกมือหั่นยาสับยาบดยาตากยาต้มยา ว่างก็มานั่งหลังหมอฟังหมอคุยกับคนไข้

ตาดู หูฟัง อาศัยทำบ่อย ฟังบ่อย รู้บ้างไม่รู้บ้าง ฟังไปเรื่อยๆ ครูหมอจักค่อยสอนโดยทำให้ดู ให้รู้ ให้เห็น นานวันเข้าสิ่งไม่รู้เริ่มรู้ ครูสอนโรค สอนการรู้โรค สอนการวินิจฉัยโรค สอนที่ตั้งแห่งโรค สอนสิ่งที่ทำให้เกิดโรค 

สุดท้ายสอนคัมภีร์หมอ สอนให้รู้วิธีอ่านคัมภีร์ ต้องอ่านเองและเข้าใจเอง ไม่รู้ถึงมาถามครู แต่ด้วยเหตุที่ศิษย์ ตาดู หูฟังครูหมอรักษาคนไข้มาก่อนอ่านคัมภีร์เสียอีก การเข้าใจในคัมภีร์นั้นจึ่งเกิดได้ด้วยตนด้วยเหตุที่ดูมาก ฟังมากนั่นเอง เมื่อรู้โรคแล้ว ครูหมอจึงสอนยา สอนวิธีรักษา สอนการปรุงยา สอนการอ่านตำรับยาโบราณ 


" รู้โรคเข้าใจโรค รู้คัมภีร์ รู้วิธีรักษา รู้ปรุงยาใช้ยา "

ลำดับขั้นตอนการเรียนรู้แบบนี้จึงถูกต้องเป็นที่สุด แม้แต่ในคัมภีร์ยังบอกโรคก่อนบอกยาเสียอีก การเรียนรู้จากหมอคือการเรียนรู้โรค และการรักษาโรค เมื่อเข้าใจโรคแล้ว จึงเข้าใจในการวินิจฉัยของครูหมอและสร้างแบบแห่งการวินิจฉัยเป็นของเฉพาะตนได้ในที่สุด การอ่านคัมภีร์ การเข้าใจในคัมภีร์จักเกิดเป็นได้ด้วยเป็นหลักเป็นกรอบแห่งการวินิจฉัยนั้น 

คัมภีร์อธิบายอาการโรคตามหลักแห่งธรรมชาติมิได้เกินไปกว่า
ตรีธาตุ ปิตตะ วาตะ เสมหะ ที่ดำรงอยู่ในทุกโรคทุกอาการนั้น เมื่อทราบโรคก็ต้องทราบยา จึงเรียกหมอไทยอีกคำว่า "หมอยา" 
ดังนั้นหากจักเข้าใจในยาได้ จักต้องเข้าใจในโรคเสียก่อน หมอที่ตั้งยาได้ ปรุงยาเก่ง ถือได้ว่ามีความสามารถมีทักษะมีประสบการณ์ในการรักษามามาก เพราะจะปรุงยาตั้งตำรับได้ต้องชำนาญโรคเข้าใจโรค มิใช่เข้าใจยาก่อนเข้าใจโรคอย่างที่มีการเรียนการสอนในสมัยนี้ เรียนเภสัชกรรมก่อนการเรียนคัมภีร์การ เวชกรรม ซึ่งพอเข้าเนื้อหาการเวชคัมภีร์ก็ลืมการเภสัชกรรมเสียสิ้นแล้ว 

ฉะนั้นหากจักประสบผลสร้างหมอไทยได้ มิควร ฤ ที่จะย้อนกลับไปดูอดีตว่าเขาเรียน เขาสอน เขาสั่งกันมาอย่างไร เขาสร้างคนธรรมดาสามัญให้เป็นหมอได้เช่นไร อดีตบอกปัจจุบันและปัจจุบันบอกอนาคต เรากำลังเรียนวิชาของคนโบราณหลายร้อยปีมาแล้ว และวิชานี้ก็ยืนหยัดรับใช้ประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้ เราก็ควรเรียนรู้แบบคนโบราณด้วยวิธีของคนโบราณจึงจะเข้าใจขบวนการเรียนรู้ของคนโบราณได้ และที่สุดก็จักเข้าใจในวิชาโบราณแขนงนี้เอง เรียนเวชกรรมก่อนที่จะเรียนเภสัชกรรม หรือเรียนเสียพร้อมกัน ค่อยเป็นค่อยไป และต้องหมั่นฝึกฝนทักษะทางการวินิจฉัยต่อไปอีกหลายปี 

คำโบราณว่าไว้ "เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด" เป็นจริงที่สุดคนเรียนมาก่อนผ่านมาก่อน เขาย่อมรู้ดีว่าจักทำเช่นไรหมาจึงไม่กัด 
ในกรณีนี้ก็เช่นกันวิชาคนโบราณก็ต้องใช้วิธีเรียนของคนโบราณ คนที่เขาผ่านสิ่งนี้มาก่อนเรา สมควร ฤไม่ที่เราจักกลับมาทบทวนกันต่อไป
บทความ อ.คมสัน ทินกร ณ อยุธยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น