หทัย
หมาย "ใจ"
ศาสตร์อันลึกซึ้งของการแพทย์แผนไทยแต่โบราณมา
โดย นายคมสัน ทินกร ณ อยุธยา (แพทย์แผนไทย ในประเภท
ก.)
หทัยในที่นี้คือใจ มิได้หมายถึงเนื้อหัวใจหรือหทยัง
เมื่อเกิดสภาวะทางใจไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีจะเกิดกำเดา
หมายความร้อนขึ้น และจักเกิดลมตามมา
ระบบปิตตะและระบบวาตะจะเริ่มทำงานมากขึ้นและพลุ่งขึ้นบนเป็น
แนวเส้นตรงนับแต่ช่องท้องผ่านขึ้นบนไปถึงศีรษะพัดพาระบบเสมหะหมายโลหิตังขึ้นเบื้องบน
ก่อให้เกิดอาการ
๑. ไอกำเดาอุ่นกายจะมากกว่าปรกติและพลุ่งขึ้นบนจนถึงศีรษะ
๒. ลมอุทังคมาวาตาจักบังเกิดตามไอกำเดาในชั่วเวลาต่อเนื่องกันไป
และพลุ่งขึ้นบน
๓. จักทำให้เกิดเป็น หทัยวาตะ พัดเข้าหทยัง
ส่งผลให้ชีพจรเต้นเร็วและแรงตามสภาวะทางใจนั้น
๔. กำเดาพัดถึงศีรษะทำให้หน้าแดง ตาแดง ตาลาย ตาพร่า
ศีรษะร้อน
๕. ลมอุทังคมาวาตาพัดถึงศีรษะทำให้หูดับ ลมออกหู
ดันศีรษะทำให้หนักๆ
๖. เนื้อตัวจะร้อนอย่างรวดเร็วจนสภาวะทางใจนั้นดับไป
๗. โลหิตังจะพุ่งขึ้นบนอย่างรวดเร็วหากมีตะกรันแทรกในเนื้อโลหิตอาจเกิดอาการอัมพฤกษ์-อัมพาตได้
๘. หากลมอันบังเกิดวิ่งตามแนวเส้นกองสมุนาจักขึ้นถึงชิวหาสดมภ์
เกิดอัมพฤกษ์ชั่วคราว
๙. เกิดอาการหน้ามืด,ตาลาย,วิงเวียน,เป็นลม,หมดสติได้
หทัยหมายใจ สภาวะความเครียด,ความวิตกกังวล,ความหดหู่,ความเศร้า,ความเสียใจ,ความดีใจ
ความปิติ,ความโมโห,ความอิจฉาริษยา,ความอยากได้อยากมีแล้วไม่ได้,ความพลัดพรากจากกัน ฯลฯ
สภาวะเหล่านี้อาจทำให้เกิดกำเดาอีกชนิดหนึ่งก็ได้เรียก
"กำเดาระส่ำระส่าย" ลางทีตัวร้อน ลางทีตัวเย็น
ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอเดี๋ยวแรงเดี๋ยวอ่อนสลับกันไป
ตามกำเดาที่ระส่ำนั้น แพทย์โบราณว่า หากเกิดกำเดา
ระส่ำระส่าย จักเกิดลมสวิงสวาย นอนหลับกระสับกระส่าย
เป็นภาวะที่ไม่นิ่งตามสภาวะทางใจทึ่ไม่นิ่งนั้น
เกิดกำเดากำเริบ กำเดาหย่อนสลับกันไปมา
และทุกอย่างจะหยุดเมื่อสภาวะทางอารมณ์คลายลงบรรเทาลง
ตำรับยารสเย็น
อันปรุงขึ้นจากสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณเย็น ย่อมบรรเทาซึ่งอาการทางสภาวะ
อารมณ์ใจ ทำให้ใจสงบใจเบิกบานชื่นใจ ทำให้ใจชุ่มชื่น
ที่สำคัญทำให้กำเดาอุ่นกายอันบังเกิดแต่ใจหย่อนลง
และต้องไม่ใช่ตำรับยาที่ปรุงจากสมุนไพรรสขมมากนัก
ด้วยอาการที่เกิดเป็นอาการทางใจมิใช่อาการทางกาย
ต้องใช้กลิ่นหอมมาสัมผัสอาการทางใจเกิดสุนทรียทางกลิ่นสัมผัส
นับได้ว่าแพทย์แต่โบราณมารู้จักความเป็นจริงแห่งธรรมชาติอย่างถ่องแท้
ช่างล้ำลึกและชาญฉลาดยิ่งนัก
นำความรู้แห่งธรรมชาติมาปรุงเป็นตำรับยาหอมบำรุงหทัยให้สดชื่นเบิกบาน
รู้จักนำความหอมมาทำเป็นยา ไปจนกระทั่งแม้แต่น้ำกระสายยายังใช้น้ำลอยดอกไม้หอม
น้ำดอกไม้เทศ มาผสมกับยาหรือดื่มไปพร้อมกับยา ช่างละเอียดลออยิ่งนักในภูมิรู้นี้
รสหอมเย็นไม่ได้แก้หรือบรรเทาอาการหรือโรคทางหัวใจ
แต่เป็นยารักษาใจ รักษาอารมณ์ รักษาหทัย
มิให้ "หทยัง" เสื่อมไปต่างหาก
ตำรับยาหอมสำหรับลมอุทังคมาวาตาและลมหทัยวาตะ จะปรุงด้วยความ ละเมียดละไมเลือกใช้แต่สมุนไพรประเภทดอกไม้เป็นส่วนมาก
ของหอมบรรดามีทั้งชมดเช็ด ชมดเชียง พิมเสนในปล้องไม้ไผ่ หญ้าฝรั่น
ถูกผสมผสานด้วยน้ำกระสายยาที่ปรุงจากของหอมนานาชนิดเข้าไปอีกแล้วบดจนเป็นผงละเอียดมาก
ทานกับน้ำดอกไม้หอม หรือเพียงแค่ดมก็ชื่นใจแล้ว
คงปรุงตำรับยาขนานนี้ได้อย่างลำบากมากในปัจจุบันนี้
จึงขอแนะนำให้ปรุงน้ำกระสายยาทดแทนถึงแม้มีสรรพคุณไม่ทัดเทียมแต่ก็ช่วยบรรเทาได้บ้าง
ตำรับน้ำกระสายยา ดอกไม้หอม
ส่วนประกอบสมุนไพร กุหลาบมอญสด,มะลิลาหรือมะลิซ้อนสด,เกสรบัวหลวง,กระดังงาหรือการะเวกสด
(ใช้ดอกไม้หอมได้นานาชนิดแล้วแต่หาได้)
วิธีทำ นำดอกไม้แต่ละชนิดแยกชนิดกันมาลอยบนน้ำสะอาดเพียงห่างๆ
ทิ้งชั่วคืนเมื่อเข้าหัวรุ่ง
นำกรองให้สะอาดแล้วผสมเข้าด้วยกัน
วิธีใช้ ใช้ทานพร้อมยาหอมเทพจิตร
ตำรับน้ำกระสายยา บำรุงอารมณ์แห่งใจ
ส่วนประกอบสมุนไพร ขอนดอก(จากไม้พิกุลล้ม),เกสรบัวหลวง,รากระย่อมสะตุ,เกสรทั้งห้า,ใบย่านาง
ดอกขี้เหล็ก,ดอกสะเดา (แห้งหรือสดก็ได้)
หากเป็นรสขมให้ใช้แต่น้อย
วิธีทำ นำลงต้มในน้ำซาวข้าวหรือน้ำสะอาดก็ได้
ให้เจือใบชาจีนไปนิดหน่อย
วิธีใช้ จิบเฉกจิบชาอุ่นๆทำให้ใจสงบนิ่ง
**********************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น