วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตามหาธาตุเจ้าเรือน(1)


ธาตุเจ้าเรือนมีความสำคัญกับเราอย่างไร

                 องค์ความรู้เรื่องธาตุเจ้าเรือนอ้างอิงตามทฤษฏีการแพทย์แผนไทยที่กล่าวว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุสี่  คือ  ดิน น้ำ ลม ไฟ  สัดส่วนของธาตุทั้งสี่จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับว่า  ช่วงปฏิสนธิในครรภ์มารดาเป็นหลัก ว่าในช่วงเวลานั้นกระแสของธาตุใดกำลังมีอิทธิพลต่อโลก อิทธิพลของธรรมชาติได้ส่งผลกระทบต่อสมดุลของธาตุทั้งสี่  ดังนั้นทารกแต่ละคนจึงมีลักษณะการเสียสมดุลของธาตุทั้งสี่แตกต่างออกไป  ซี่งธาตุในตัวที่เด่นชัดหรือมากกว่าธาตุอื่นๆ คือ ธาตุเจ้าเรือน   ประจำตัวของแต่ละคนซึ่งจะติดตัวคุณไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 ปีแรกของชีวิต        เมื่อร่างกายมนุษย์ได้รับการปฏิสนธิโดยเซล์กลุ่มแรกแห่งการปฏิสนธิ คือ หัวใจ หรือ หทัยธาตุ
            ขณะเดียวกันเราแต่ละคนก็มีธรรมชาติที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา บุคลิก นิสัยใจคอและอารมณ์ กระทั่งแนวโน้มของความเจ็บป่วย อย่างเช่น คนบางคนจะรูปร่างใหญ่ กินก็ไม่จุแต่น้ำหนักขึ้นง่าย ขณะที่บางคนผอมบาง ทั้งๆ ที่กินจุกินมาก แต่น้ำหนักไม่ค่อยจะเพิ่ม จนเป็นที่อิจฉาของคนกลุ่มแรก บางคนก็จะช่างพูดช่างคุย ไม่ค่อยอยู่นิ่ง บางคนก็เนิบนาบ ทำอะไรก็ค่อยๆ ทำ       
            ถ้าเป็นแนวโน้มของความเจ็บป่วย บางคนก็มักจะเป็นหวัดง่าย บางคนท้องผูกง่าย บางคนท้องเสียบ่อย บางคนร้อนในอยู่เรื่อย ทั้งหลายทั้งปวงนี้คือภาพสะท้อนที่ว่าแต่ละคนมีธรรมชาติของตัวเองที่ต่างไปจากคนอื่น ซึ่งในทางการแพทย์แผนไทยเรียกว่าธาตุเจ้าเรือน
การหาธาตุเจ้าเรือนจาก  วัน - เดือน - ปีเกิด     
                 นำ วัน เดือน ปีเกิดจากครรภ์มารดาของคุณ จำเป็นต้องนับถอยหลังย้อนกลับไป  280 วัน บวกลบได้อีกไม่เกิน 7 วัน ผลลัพท์เป็นวันปฏิสนธิภายในครรภ์มารดาระหว่างไข่กับอสุจิ  เมื่อคิดคำนวณตามสูตรนี้แล้ว  เราจะได้ธาตุเจ้าเรือนที่ถูกต้อง ซึ่งโดยทั่วไป  การนำอายุตั้งครรภ์ตามปกติ คือ เก้าเดือนมาพิจารณาประมาณการ   แต่หากเป็นกรณีที่คลอดก่อนกำหนด ก็ต้องนับย้อนเวลาถอยหลังไปตามจริงที่อยู่ในครรภ์มารดา

     ผู้ที่เกิดเดือน  มกราคม , กุมภาพันธ์ และ มีนาคม  (  ปฏิสนธิในเดือน  เมษายน , พฤษภาคม และ มิถุนายน
เป็นช่วงที่ธาตุไฟกำลังมีอิทธิพลต่อโลก  จึงมีธาตุไฟเป็นธาตุเจ้าเรือนหลัก  )

     ผู้ที่เกิดเดือน  เมษายน , พฤษภาคม และ มิถุนายน  (  ปฏิสนธิในเดือน  กรกฎาคม , สิงหาคม และ กันยายน 
เป็นช่วงที่ธาตุลมกำลังมีอิทธิพลต่อโลก  จึงมีธาตุลมเป็นธาตุเจ้าเรือนหลัก  ) 

     ผู้ที่เกิดเดือน  กรกฏาคม , สิงหาคม และ กันยายน  (  ปฏิสนธิในเดือน  ตุลาคม , พฤศจิกายน และ ธันวาคม
เป็นช่วงที่ธาตุน้ำกำลังมีอิทธิพลต่อโลก   จึงมีธาตุน้ำเป็นธาตุเจ้าเรือนหลัก  )

     ผู้ที่เกิดเดือน  ตุลาคม , พฤจิกายน และ ธันวาคม  (  ปฎิสนธิในเดือน  มกราคม , กุมภาพันธ์ และ มีนาคม
เป็นช่วงที่ธาตุดินกำลังมีอิทธิพลต่อโลก  จึงมีธาตุดินเป็นธาตุเจ้าเรือนหลัก )

     การหาธาตุเจ้าเรือนหลักแล้ว  ยังมีการหาธาตุเจ้าเรือนรอง  โดยจะต้องไปพิจารณาลักษณะ
รูปพรรณสัณฐาน  นิสัยใจคอ และ ท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปในแต่ละธาตุเจ้าเรือน
การหาธาตุเจ้าเรือนจากลักษณะท่าทาง       ธาตุดิน     จะมีลักษณะรูปร่างสูงใหญ่ ข้อกระดูกใหญ่ ล่ำสันแข็งแรง ผมดก ขนดก คิ้วดก ผิวค่อนข้างคล้ำ
หรือดำ หน้าผากกว้าง ใบหน้ากลมรี น้ำหนักตัวมาก เคลื่อนไหวช้า เสียงดังฟังชัด มีความหนักแน่น สุขุมรอบครอบ
ธาตุน้ำ     จะมีรูปร่างอวัยวะสมบูรณ์สมส่วน ผิวพรรณสดใส ตาหวาน ผมดกดำ เป็นคนเยือกเย็น ท่าเดินมั่นคง
ทำงานเชื่องช้า ช่างเจรจา องอาจทรนง ทนร้อนทนเย็นได้ดี
ธาตุลม     เป็นคนรูปร่างโปร่ง ได้สัดส่วน ผมบาง ผิวหนังค่อนไปทางหยาบแห้งไม่ค่อยละเอียด หน้าดูอ่อนเยาว์
ริมฝีปากอิ่ม ดวงตาพองโต นอนไม่ค่อยหลับ ทนหนาวไม่ค่อยได้ ช่างพูดช่างเจรจา เป็นคนอ่อนไหวเปลี่ยนแปลงเหมือนลมเพลมพัด ไม่ชอบอยู่นีง มีลูกไม่ดก
ธาตุไฟ     ลักษณะผิวพรรณไม่ค่อยดีนัก หน้าผากกว้าง ผมบางศีรษะเถิก ขนและหนวดค่อนข้างนิ่ม กระดูกข้อใหญ่
ใบหน้าเหลี่ยม ใจร้อน ไม่ค่อยอดทน เคลื่อนไหวคล่องแคล่วรวดเร็ว ทานเก่ง แต่มีพรพิเศษเรื่องธรรมะ


      การหาธาตุเจ้าเรือนจากลักษณะท่าทางจะช่วยชี้ชัดได้อีกทางว่า  เรามีธาตุใดเป็นธาตุเจ้าเรือนแต่บางท่านหาธาตุเจ้าเรือนจาก วัน - เดือน - ปีเกิดแล้วขัดแย้งกับธาตุเจ้าเรือนที่หาได้จากลักษณะท่าทาง  ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะในตัวท่านมีทั้งธาตุเจ้าเรือนหลักและธาตุเจ้าเรือนรอง       อย่างเช่นคนที่เกิดในเดือนธันวาคมย่อมมีธาตุดินเป็น
ธาตุเจ้าเรือน  แต่พิจารณาจากลักษณะท่าทางกลับกลายเป็นคนมีธาตุลมเป็นธาตุเจ้าเรือน  เพราะมีรูปร่างสูงโปร่ง ช่างพูดช่างเจรจา ไม่ชอบอยู่นิ่ง เป็นคนอ่อนไหวสดใสมีชีวิตชีวา  อันเป็นบุคลิกของคนธาตุลม  แสดงว่าเป็นผู้ทีธาตุดินเป็นธาตุเจ้าเรือนหลัก และ มีธาตุลมเป็นธาตุเจ้าเรือนรอง
       อีกวิธีที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือประกอบการพิจารณาสืบค้นหาธาตุเจ้าเรือนได้คือ  การสังเกตุจากลักษณะของรูปมือ ฝ่ามือ เส้นลายมือ  จะมาตัวบ่งชี้ให้ทราบ

การหาธาตุเจ้าเรือนจากฝ่ามือ 
ธาตุดิน     รูปมือจะมีลักษณะอ้วนกลม ฝ่ามือหยาบ เส้นลายมือคมชัด เส้นลายมือน้อย
ธาตุน้ำ      รูปมือมีลักษณะแคบแบน ฝ่ามือนุ่มและชื้นจนถึงเปียก เส้นลายมือไม่ลึก เส้นลายมือมีทั้งมากและน้อย
ธาตุลม      รูปมือมีลักษณะเรียวยาว  ฝ่ามือแห้งและอ่อนนุ่ม  เส้นลายมือไม่ลึกและมีเส้นมาก
ธาตุไฟ     รูปมือมีลักษณะแบนกว้าง ฝ่ามือแดง อุ่นและร้อน  เส้นลายมือลึกและมีเส้นมาก
       หากต้องการความถูกต้องแม่นยำ  ต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้มากๆ หมั่นสังเกตุ เก็บเกี่ยวข้อมูลหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ  ขอความรู้จากครูบาอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูลายมือจนบอกได้ว่ามือลักษณะใดมีธาตุเจ้าเรือนใดเป็นธาตุเจ้าเรือนหลัก และ ธาตุเจ้าเรือนใดเป็นธาตุเจ้าเรือนรอง

การเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยตามธาตุเจ้าเรือน   

                บุคคลธาตุดิน  ขอแนะนำน้ำมันหอมระเหยกลิ่น  แก่นจันทน์  ไพล  แฝก  พิมเสน
                บุคคลธาตุน้ำ  ขอแนะนำน้ำมันหอมระเหยกลิ่น  กำยาน  โหระพา  กระดังงา  ลาเวนเดอร์
                บุคคลธาตุลม  ขอแนะนำน้ำมันหอมระเหยกลิ่น  ส้ม  ขมิ้น  มะกรูด  มะนาว  เปปเปอร์มินต์
                บุคคลธาตุไฟ  ขอแนะนำน้ำมันหอมระเหยกลิ่น  กานพลู  ขิง  ตะไคร้  ยูคาลิปตัส  โรสแมรี่

                อย่างไรก็ดี  การเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับคุณประโยชน์สูงสุดยังมีปัจจัยอื่นๆ ให้นำมาพิจารณาอีกเช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นธาตุเจ้าเรือนอีกประเภทหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะการดำเนินชีวิตและสภาพแวดล้อมเมื่อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  รวมไปถึงสภาพร่างกาย  ความเจ็บป่วยในปัจจุบัน เช่น ผู้ที่มีความดันโลหิตค่อนข้างต่ำ  ไม่ว่าจะอยู่ธาตุใดก็ควรงดเว้นการสูดดมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์เอาไว้ก่อน  เพราะน้ำมันหอมระเหยชนิดนี้มีคุณสมบัติหนึ่งในการลดความดันโลหิตปนอยู่ด้วย (จึงเหมาะกับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง) เป็นต้น


       โดยที่ถ้าเรารู้ว่าธรรมชาติหรือธาตุเจ้าเรือนเราเป็นอย่างไร เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของตัวเรา เพื่อให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีได้โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ซึ่งเรามักพูดกันว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่       ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณรู้ว่าคุณมีแนวโน้มที่จะร้อนในเป็นแผลในปากง่าย หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่าร่างกายคุณร้อน คุณก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด โดยเฉพาะเผ็ดและเปรี้ยว หรือกินผลไม้อย่างทุเรียนหรือลำไยให้น้อยลงนิด คุณก็จะไม่ต้องทรมานกับแผลในปากที่เจ็บแสบน่าดูเวลาเป็น        หรือถ้าคุณรู้ว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับความดันสูง เบาหวาน คุณก็ควรเลี่ยงอาหารมัน หรือกินของหวานมากเกินไป เป็นต้น        แม้แต่รูปแบบอาหารที่ปรุง จะเป็นต้ม แกง ผัด หรือของหวาน ก็มีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพของคุณด้วยเช่นกัน
       ถ้าจะบอกว่า "คุณ(ควร)กินอย่างที่คุณเป็น" (you should eat what you are) หลายคนคงสงสัย โดยเฉพาะคนที่คุ้นกับประโยคอมตะที่ว่า "คุณเป็นอย่างที่คุณกิน" (you are what you eat)        ข้อแนะนำที่ว่าเราควรกินอย่างที่เราเป็นนั้น มาจากปรัชญาที่มองว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และคนเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขได้ก็ต้องดำเนินชีวิตให้สอดรับกับ ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ        ขณะเดียวกันเราแต่ละคนก็มีธรรมชาติที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา บุคลิก นิสัยใจคอและอารมณ์ กระทั่งแนวโน้มของความเจ็บป่วย 
การตามหาธาตุเจ้าเรือน ก็คือการดูว่าสัดส่วนของธาตุทั้งสี่ในตัวเรา เป็นอย่างไรนั่นเอง คือดูว่ามีธาตุใดมากธาตุใดน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วธาตุตัวใดที่มีมากมักจะกำเริบหรือเสียสมดุลได้ง่าย เช่น ถ้าเรามีธาตุลมมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม แล้วไปกินอาหารที่มีธาตุลมมาก ก็จะทำให้ธาตุลมกำเริบจนเจ็บป่วยได้ เพราะฉะนั้น การรู้ว่าเรามีเจ้าเรือนอย่างไร ก็จะช่วยให้เรารู้ว่าควรกินอาหารและปฏิบัติตนอย่างไร ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเรา เพื่อที่จะมีสุขภาพดี
ที่มา : รวบรวมมาจากหลายๆแหล่งข้อมูลตามความเข้าใจ หากผิดพลาดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ คราวหน้าจะรวบรวมเรื่องการดูลักษณะธาตุเจ้าเรือนตามอุตุ อายุ กาล ประเทศ และพฤติกรรมที่ทำให้ธาตุของเราเสียสมดุลเกิดเจ็บป่วยได้ง่ายและเรื่องธาตุแต่ละธาตุแบบเจาะลึกมาให้อ่านกันอีกค่ะ
**********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น