วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

Case Study (๒)

กรณีศึกษาคนไข้ใน "คลินิกหม่อมราชวงศ์สอาด ทินกร" 
แพทย์ผู้ตรวจวินิจฉัย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา (แพทย์แผนไทย)

คนไข้เพศหญิง อายุ ๖๓ ปี รูปร่าง แขนขาไม่ใหญ่แต่มีหน้าท้อง หากนึกย้อนไปสักสาวๆจนถึงกลางคนน่าจะเป็นคนรูปร่างค่อนข้างผอม สำแดงธาตุไฟปรากฎ ซึ่งก็ถูกต้องตามที่ได้สอบถามจากคนไข้ หากพบคนไข้เข้าวัยปัจฉิม ให้นึกย้อนไปถึงมัชฌิมวัยเข้าปิตตะ-ปิตตะ จนถึง ปิตตะ-วาตะ ถ้าเข้าลักษณะทางกายภาพของคนธาตุไฟให้ประเมินอาการปกติและนิสัยปกติของคนธาตุไฟด้วยเหตุเป็นต้นอาการแห่งการเจ็บป่วย
ในระหว่างการตรวจวินิจฉัย คนไข้พูดได้เรื่อยๆพยายามจะบอกแต่อาการของตนทั้งซีสในมดลูกทั้งความกังวลว่าจะมีก้อนเนื้อและอื่นๆอีกมากมาย จนหมอต้องบอกให้หมอพูดบ้างได้ไหมขอเวลาหมอตรวจสักนิด คนไข้บอกที่พูดมาทั้งหมดไม่ต้องรักษาเพราะไม่ชอบกินยา ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาระหว่างอาจารย์และคนไข้

หมอหนึ่ง ถ้าไม่กินยาแล้วจะให้หมอทำอย่างไร
คนไข้ ใช้นวดหายไหม?
หมอหนึ่ง ไม่หายตลอดไป
คนไข้ งั้นกินยาก็ได้ ซีสกับเนื้องอกหายแน่นะ กินยานานเท่าใด มีผลข้างเคียงมากไหม ถึงตายไหม
กินพร้อมยาแผนปัจจุบันได้ไหม ไม่อยากผ่าตัด กินยาไทยจะหายเหรอ มีสตีรอยด์ไหม
กินยาไทยแล้วถ่ายไหมเดี๋ยวทำงานไม่ได้ ฯลฯ
หมอหนึ่ง คนธาตุไฟแบบพี่เป็นเช่นนี้มาตลอดชีวิต พูดเร็ว ทำเร็ว ใจร้อน ร้อนใจ ดื้อไม่ยอมใคร ถ้ามี
สิ่งใดที่ตนไม่แน่ใจจะโยนให้คนอื่นทันที พี่เป็นนางมารร้ายในเรื่องมังกรหยกชื่อ ลีหมกโฉ้
ตัวจริง พี่เป็นคนขี้ร้อนเพราะชอบร้อนใจ ทำงานหนึ่งยังไม่เสร็จ หัวพี่ไปคิดเรื่องอื่นเตรียมไว้แล้ว
เป็นเช่นนี้มาตลอดชีวิตพี่ พี่ถึงได้มีโรคต่างๆอย่างที่บอกผม พี่ทำตัวเองทั้งหมด
หมายเหตุ อาจารย์พูดไปยิ้มไปนะ ใจดีสู้เสือ และได้สังเกตุว่าระหว่างที่คนไข้ไม่ได้พูดคนไข้จะเรอออกมาเป็นระยะๆตลอดเวลามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
คนไข้ หมอรู้ได้ไง จริงๆหมอพูดถูกพี่เป็นแบบนี้แหละ เออหมอเก่งใช้ได้ (ปรากฎว่าคนไข้ไม่โกรธ และ
ยอมรับได้)
หมอหนึ่ง พอเราเข้าปัจฉิมวัย วาตะคือลมจะกำเริบได้ง่าย ผมเห็นพี่เรอเป็นระยะๆตลอดเวลา
คนไข้ ไม่ใช่แค่เรอนะหมอ พี่ผายลมด้วยตลอดเลยแต่ไม่เหม็นนะหมอ
หมอหนึ่ง มีพี่ ผมได้กลิ่นตลอดเวลาเลยแต่ไม่เป็นไรหมอเจอแบบนี้มามากแล้วพี่ พี่ไม่ใช่คนแรกที่เป็นแบบนี้ คนไข้ นึกว่าไม่เหม็น สงสัยคงชินกลิ่นตัวเอง เอาแบบนี้หมอโรคอื่นไม่ต้องรักษาเอาโรคลมอย่างเดียวรักษามานานแล้วไม่หายหมดไปหลายเงิน ไปหาหมอได้แต่ยาช่วยย่อย ฝังเข็มก็แล้ว ไปดีท๊อก
ก็แล้ว หมอรักษาพี่ให้หายนะพี่ยอมกินยาก็ได้แต่อย่ามากนะ
หมอหนึ่ง พี่เป็นคนมีไฟมาก พี่ถึงบอกหมอว่าร้อนมาแต่สาวๆเดี๋ยวนี้ก็ยังขี้ร้อนอยู่ หมอไทยเราเรียกกำเดาไอแห่งความร้อน เกิดแต่พี่เป็นคนธาตุไฟเมื่อปฎิสนธิ ความคิดกังวลความวิตกก็ทำให้เกิดความร้อนการทำการงานเร็วๆ ใช้ชีวิตเร่งรีบ กินเร็วให้อิ่มเร็วๆ แม้แต่พูดพี่ยังพูดเร็วพูดไม่หยุด ลมเข้าปาก
มากไฟก็ยิ่งแรงเหมือนเอาพัดไปพัดเตาไฟ พี่เห็นไหมพี่ทำเองทั้งหมดอย่างหมอว่า ผมจะบอกไปให้
พี่เลิกพี่คงทำไม่ได้เพราะเป็นตัวตนของพี่ แต่สิ่งที่หมอทำได้หมอไทยทำมานานแล้วพี่ หากเราคุมไฟ
ได้ เราก็คุมลมได้ เราคุมลมได้ เราก็คุมน้ำได้ หมอไทยคุมไฟเพื่อคุมลมและน้ำทำแบบนี้กันมา
หลายร้อยปีแล้วพี่ และผมจะวางแผนการรักษาเป็นขั้นตอนดังนี้

๑. รุกำเดาอุ่นกายให้ความร้อนลดลง ใช้ยาเขียวประสะพิมเสน และยาแดงดับพิษ
รุลมในไส้ ทำให้ผายลม ใช้ยาอากาศบริรักษ์และยาอนันตธาตุ
รุอาหารเก่าในลำไส้ใหญ่ ใช้ยาธรณีไหว

๒. ล้อมลมสูงลงล่าง ใช้ยาหอมเทพจิตรารมย์และยาหอมมหาสีสว่าง
ล้อมตับให้ผ่อนร้อนลง ใช้ยากล่อมนางนอน

๓. รักษากำเดาอุ่นกาย ใช้น้ำกระสายยาลดปิตตะ
รักษาพัทธะปิตตะไม่ให้กำเริบ ใช้น้ำกระสายยาพัทธะปิตตะ
รักษากองลมในไส้ ใช้น้ำกระสายยาขับลม

คนไข้ ยามากขนาดนี้ พี่จะหายไหมหมอ ถ้าพี่ยอมกินยา
หมอหนึ่ง ไม่หายพี่แต่จะบรรเทาลงได้มาก หมอรักษาเพื่อไม่ให้ลมไปกระทบกับไฟและน้ำทำให้เกิดอาการอื่นๆตามมาภายหลังอีกมากมายผมจะวางยาพี่แค่ ๑๕ วัน แล้วเรามาคุยกันใหม่ดูซิว่าพี่จะเรอจะ
ผายลมให้ผมดมน้อยลงไหม
คนไข้ (หัวเราะเสียงดังมาก) ตกลงหมอพี่เชื่อหมอ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอหมอแบบหมอ พี่ชอบตรงดี

บทความโดย นายคมสัน ทินกร ณ อยุธยา (แพทย์แผนไทย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น