วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

ว่าด้วยเรื่องสัณฑฆาต


ว่าด้วยเรื่องสัณฑฆาต ๔ จำพวกซึ่งอยู่ในปะระเมหะ ๒๐ ประการ  เป็นโรคอันเกิดแต่อาโป(เสมหะ) บุพโพและโลหิต เกิดจากการกระทบกระแทก, อักเสบติดเชื้อ เกิดจากพิษโลหิตคั่งค้างภายใน เกิดเป็นเม็ดฝีเปื่อยลามไปต่างๆนาๆ เป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์มุจฉาปักขันธิกา  (โรคระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ )
สัณฑฆาตมี ๔ จำพวก ดังนี้

๑.       สัณฑฆาตเพื่อโลหิตแห้ง เกิดได้กับบุรุษและสตรี
เกิดเพราะโลหิตจับเป็นก้อนภายใน เมื่อกินยาร้อนเข้าโลหิตจึงละลายออกเป็นลิ่ม ออกมาตามช่องทวารหนัก เรียกว่าอัสนโลหิตสันนิจโลหิต รักษายากนัก คือเป็นอสาทิยโรค
- ถ้าบังเกิดแก่สตรีเป็นเรื่องโลหิตและระดูแห้งเดินไม่สะดวก คุมกันเป็นก้อนเท่าฟองไข่ติดกระดูกสันหลังข้างใน มักจะเจ็บหลัง บิดตัว ให้จุกแน่นหน้าอกดังจะขาดใจ  เมื่อแก่เข้ามักเป็นลมจุกแน่นอก (เอกสัณฑฆาต)  
อธิบาย= ท่านว่าสตรีประจำเดือนไม่มาตามปกติ คือ ประจำเดือนขาดหายไปเป็นเดือนๆ แล้วมีอาการเจ็บปวดหลัง 14-15 วัน แล้วก็มีอาการเป็นลมในท้อง จุกแน่นหน้าอกดุจขาดใจ ยิ่งกินยาโบราณที่มีรสเผ็ดร้อนลงไปยิ่งทำให้มีอาการมากขึ้นอีก และทำให้ประจำเดือนตกออกมาเป็นลิ่มเป็นก้อน มีเลือดตกออกมาทางทวารหนัก ทวารเบา บางทีก็เป็นดังน้ำหมากจางๆ บางทีเป็นน้ำขาวขุ่นดังดินสอพอง
- ถ้าบุรุษมักเกิดด้วยไข้ถึงพิฆาต คือกระทบกระแทก ตกต้นไม้ ถูกทุบถองโบยตีสาหัส พิการช้ำในอก(ภายใน) โลหิตคุมกันเป็นก้อนเป็นดาน กระทำให้ร้อน เสียดแน่นยอกสันหลัง บางทีก็เรียกว่า "อาสัณทฆาต" 
อธิบาย = ถ้าชาย ท่านกล่าวไว้ว่า เมื่อแรกบังเกิดโรคดังนี้ ย่อมเป็นไข้พิการต่างๆ คือตกต้นไม้ และล้มลงถูกกระทบกระแทกขัดขวางอย่างแรงหรือเรียกว่าโรคพิฆาตถูกทุบถองโบยตี ซึ่งเป็นสาหัสฟกช้ำในอกใจ โลหิตช้ำใน ย่อมให้เจ็บร้อนในอก เสียดแทงเจ็บสันหลังก็มี มีอาการให้กระทำโทษต่างๆ ภายใน ในการฟกช้ำอาจเกิดเป็นเม็ดและช้ำภายใน โลหิตไม่กระจายออก ทำให้เส้นต่างๆ อักเสบ กระดูกสันหลังได้รับความกระทบกระเทือน
ถ้ารู้ตัวว่าเป็นต้องรับรักษาเสียเมื่อมีอาการเริ่มเป็นอย่างทิ้งไว้นาน โบราณถือว่าการกระทบกระแทกฟกช้ำอย่างแรง เลือดที่ช้ำไม่กระจายจะเป็นโทษแก่ร่างกาย หรือสตรีที่ประจำเดือนไม่มานานๆก็อาจเป็นได้
ยารักษา
มีตัวยาดังนี้ เถาสะค้าน ผักแพวแดง หัวดองดึง หัวว่านน้ำ มหาหิงคุ์ ยาดำ โกศจุฬาลัมภา โกศสอ โกศพุงปลา หัวอุตพิด ชะเอมเทศ ดอกดีปลี แก่นแสมทะเล หนักสิ่งละ 15 กรัม พริกไทยหนัก 195 กรัม
วิธีทำ 
เอายารวมกันบดให้ละเอียด
วิธีใช้
ผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนเท่าปลายนิ้วก้อย รับประทานมื้อละ 2-3 เม็ดวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร แก้อาการและโรค
สัณทฆาตนั้นแล 
๒.     สัณฑฆาตเกิดเพื่อปัตตะฆาต(โทสัณฑฆาต) เป็นได้ทั้งบุรุษ-สตรี
เพราะเกิดท้องผูกเป็นพรรดึกและโลหิตแห้ง แล้ววาโยกล้าพัดโลหิตให้เป็นก้อนเข้าในอุทร จึงเจ็บทั่วสรรพางค์กาย เมื่อยบั้นเอว มือเท้าตาย ให้ขบขัดเข่าและตะโพกท้องขึ้นและตึงที่ทวารเบา กินอาหารไม่มีรส ปากเปื่อยเสียงแห้ง เวียนศีรษะ  ตามืด น้ำตาไหล หูตึง ร้อนบ้างหนาวบ้าง อยากเปรี้ยวอยากหวาน เป็นคราว
๓.      สัณฑฆาตเกิดเพื่อกาฬ หรือเม็ดกาฬ (เม็ดฝี จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการอุจจาระเป็นโลหิต คลั่งเพ้อจุกเสียด ท้องขึ้นพองเหมือนท้องมาน เกิดภายในตับ ปอด หัวใจและดี ไส้อ่อน,ไส้แก่ (ตรีสัณฑฆาต) เป็นเม็ดขนาดเม็ดข้าวสารหัก ให้ปวด เช่น
-          ถ้าขึ้นในดี เจรจาด้วยผี พูดเพ้อไป อาการคลั่งเพ้อไปต่างๆ
-          ถ้าขึ้นที่ตับ ลงเป็นโลหิต แล้วมีอาการดุจผีเข้าสิง เข้าจำอยู่
-          ถ้าขึ้นไส้อ่อน ไส้แก่ ให้จุกเสียด ท้องเฟ้อ เป็นมานโลหิตท้องขึ้นท้องพองดังมานกระษัย
-          ถ้าขึ้นในปอด ทำให้กระหายน้ำเป็นอันมาก
-          ถ้าขึ้นในหัวใจ เจรจามิได้ แน่นิ่งไป


**พระอาจารย์เข้าจัดเปนตรีสันทะฆาฏ ถ้าแพทย์จะแก้อย่าให้ต้องยาร้อนแลเข้าสุราเข้าน้ำมัน ให้แต่ยาข้างไข้ไปตามบุญของผู้นั้นเถิด**
ถ้าบุคคลใด เป็นดังกล่าวมาได้ ๗-๘ วัน โลหิตแตกซ่านไปในทวารทั้ง 9 เรียกว่าลักปิด เป็นต้นแห่งสันฑฆาต ก็เป็นกรรมของผู้นั้น แก้มิได้เลย อันสันฑฆาตนี้ว่าด้วยบุคคลจะถึงแก่อาสัญนั้นแล เป็นอติสัยโรค(โรคที่มีอาการตัด หมดทางรักษา)         
๔.      สัณฑฆาตเกิดเพื่อกล่อนแห้ง (โทสัณฑฆาต)เกิดเพื่อสมุฎฐานธาตุทั้ง ๔และอชิณโรค คือกินของแสลงโรคแสลงธาตุเช่นของอันมีรสคาว รสหวานเป็นต้น บางทีก็เรียกว่ากระษัยโลหิต กระษัยเถา ทำให้อาเจียนเป็นน้ำลาย น้ำลายฝาด มีอาการเจ็บกระบอกตา เมื่อยไปทั้งตัว เจ็บที่ขั้วสะดือ ลงไปถึงอัณฑะ(ไข่ดัน) คันองคชาติ องคชาติบวมเจ็บแสบร้อน แตกออกเป็นน้ำเหลืองไหลซึม เกิดเป็นเม็ดงอกขึ้นในรูองคชาติขนาดเท่าผลพริกเทศ แก่เข้าดังยอดหูด ให้ปัสสาวะเป็นโลหิต เจ็บหลัง เมื่อยปลายมือปลายเท้า เป็นอสาทิยโรค (โรคที่รักษายากนักหรือรักษาไม่หาย)            
**ถ้าจะแก้ท่านให้เอาเข็มแดง ๑ รากมะงั่ว ๑ รากมะนาว ๑ ผลกระวาน ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละเสมอภาค ดองด้วยสุราให้กินเมื่อมีระดูเปนด้วยปถวีธาตุนั้นหายแล
**ถ้าจะแก้ด้วยฤดูเปนเตโชธาตุ เอารากกะเช้าแดง กะเช้าขาว ยาเข้าเย็น รากมะดูกทั้ง ๒ สิ่งละ ๔ บาท ดองสุราทนาน ๑ กิน ๓ วัน ๗ วัน ถ้าจะต้มเอาพริกไทย ขิง ดีปลี บดปรุงลงกินหายแล
**แก้เมื่อฤดูวาโยธาตุ เอารากมะหวด ๑ รากตับเต่าหลวง ๑ ปีกนาคราช ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ กินหายแล
**แก้เมื่อฤดูอันเปนอาโปธาตุ เอารากหญ้าคา ๔ บาท หัวหญ้าชันะกาด ๑ บาท แห้วหมู ๔ บาท ใบพลวง ๔ ใบ กำลังวัวเถลิง ๑ สารส้ม ๒ บาท น้ำประสานทอง ๒ สลึง ผักเบี้ยใหญ่กำมือ ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ กินหายแล
ท่านให้ทำยาทา เอารากหีบลม ๑ รากพิลังกาสา ๑ ใบพลูแก ๑ บดทาองคชาตหาย ถ้ามิหายแซกฝิ่น ๑ เฟื้องทาหายแล 

หมายเหตุ คำว่า สัณฑฆาต เขียนได้หลายอย่าง เช่น สันฑะฆาต สันทะฆาฎ สันทฆาต สัณฑะฆาต
http://www.samunpri.com/
หมอชาวบ้าน
เรียบเรียงโดย Admin
***********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น